New Home Inspections

เวลาซื้อบ้านใหม่มีเรื่องที่ต้องตรวจดูดังนี้ (ลอกมาจาก webboard หลายๆที่ เช่น pantip.com, homedd.com)


สีกำแพงลอก,ประตูรั้วลอกเป็นสนิมและลอก, Wallpaper แหว่งและขาดหลาดจุด ท่อน้ำอ่างล้างจานในครัวรั่ว คันโยกสวิทช์มอเตอร์ประตูรั้วอัตโนมัติที่หัวคันโยก กับรูกุญแจขึ้นสนิทเกรอะ จนสอดลูกกุญแจเข้าไปไม่ได้ http://www.pantip.com/cafe/home/topic/R4629551/R4629551.html

เพดานทุกชั้นมีน้ำรั่วซึมหรือเปล่า หน้าต่างอลูมิเนียมบางบานยังเปิดปิดไม่ค่อยดี ปัญหาน้ำซึมจากใต้หลังคาไหลลงมาตรงปาร์เก้ชั้น 3 หลังคารั่วเวลาฝนตก ผนังด้านข้างแตกน้ำซึม กรอบหน้าต่างน้ำซึม มีรอยปูนแตกเป็นทางยาวบันไดที่ปูไม้ด้านบนก็เผยอแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ผนังหลังบ้านแตกลายงาทั้ง 3 ชั้นภายในไม่ได้ฉาก บันไดเอียง ยาแนวกระเบื้อง เปลี่ยนประตูที่มันลอยมาก การติดตั้งบานอลูมิเนียมไม่ค่อยเรียบร้อย กำแพงรั้วหลังบ้านร้าวเป็นทางยาวไปครึ่งนึงแล้ว รอยร้าวกว้างมาประมาณ 2 ซม ลองใช้เหรียญเคาะที่พื้นปาเก้ดูสิเสียงก๊อกๆไม่แนบพื้น การฉาบมุมต่างๆ บันได ใต้พื้น ก็ใช้เศษวัสดุถมๆ (เช่น ลังกระดาษ โฟม ฯลฯ ซึ่งถ้าไม่ได้ซ่อมแซมบ้านก็อาจไม่เห็น) กระเบื้องปูไม่เสมอ ไม้ที่บันไดมีรอยมาก ผนังฉาบไม่เรียบเลย มุมเสาก็ไม่ได้ฉาก ทาสีบางบ้างหนาบ้าง, น้ำซึ้มเขามาทางหน้าต่างเวลาฝนตก


งานบันได บัวค่อนข้างมีปัญหามากถึงมากที่สุด บันไดยื่นมากบ้างน้อยบ้าง ลาย มีรอยขีดลึกเพราะเค้าไม่ได้เอากระดาษลูกฟูกรองกันให้ เดินกันไปมาลากของขูดขีดเต็มไปหมด ลูกกรงบันไดแตกแถว คดเข้าคดออก บัวรอยต่อไม่เรียบไม่เสมอ ประตูมีรอยเยอะโป๊วยังไงก้อไม่เนียน กรอบหน้าต่างประตูไม่เรียบร้อย งานบัว ซับวงกบประตู หน้าต่าง ฝ้า ไม่ค่อยเรียบร้อยครับ ราวบันได และ เคาเตอร์ไม้ ชั้น1 (กลางบ้าน) มีรอยค่อนข้างหนัก

1. ณ วันที่ไปดู ทาง sale หรือ ผู้จัดการที่ดูแลโครงการ จะเข้ามาเอา บ้านในอุดมคติของเรามายัดเยียดให้ ไม่ว่าคุณต้องการอะไรเค้าจะหาให้คุณได้ทุกอย่าง บางครั้งและส่วนใหญ่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม เช่น บางโครงการอาจจะไม่มีฝักบัวในห้องน้ำให้คุณ เค้าก็บอกว่าจะนำมาติดให้ภายหลัง หรือ ทางในห้องน้ำของคุณไม่มีสายไฟที่เอาไว้ต่อสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นหรือ เครื่องทำน้ำร้อน เค้าก็จะบอกว่าจะเดินสายไฟให้ภายหลัง หรือ หากบ้านคุณมีสวนหรือในใบโบรชัวร์เขียนเอาไว้ว่า จัดสวนสวยให้ฟรี นั้น แท้จริงแล้วทางโครงการไม่สามารถทำได้อย่างที่เค้าพูดเอาไว้ในวันแรกที่คุณ จะซื้อได้เลยสักประเด็นเดียว หรือ ทำให้แต่ไม่ดีอย่างที่คุณคาดหวังเอาไว้ ผมเองก็เข้าใจ บางครั้งก็มีลูกค้าบางคนบ้างที่อาจจะต้องการในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ลูกค้าเค้าหวังเอาไว้คือ เมื่อลูกค้าคิดจะซื้อบ้าน (ราคาก็ไม่ได้ถูก) ก็ต้องการในสิ่งที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเท่านั้น ส่วนใหญ่ ทางโครงการจะเป็นเช่นนี้เสมอแล้วส่วนใหญ่ทางลูกค้าก็จะลืมประเด็นนี้ไป เพราะฉะนั้น กฎข้อ 1 ในการเลือกซื้อบ้าน หากเค้าจะให้อะไรกับคุณหรือสัญญาว่าจะให้ทางโครงการเขียนออกมาเป็นลาย ลักษณะอักษรทั้งหมดทุกเรื่อง แล้วต้องระบุด้วยว่า "ไม่มีการเสียเงินเพิ่มเติม" ที่สำคัญต้องเก็บลักษณะอันนี้เอาไว้แล้วก็ให้ระบุอยู่ในสัญญาซื้อขายหรือ แนบท้ายด้วยก็ได้ จะให้ดีให้ทางผู้จัดการโครงการเป็นผู้เซ็นรับทราบ ไม่ควรให้sale หรือ ใครหน้าไหนก็ตามที่เป็นลูกน้อง ลูกกระจ๊อก มาเซ็นเด็ดขาด เพราะหากไม่ให้คนที่เป็นผู้จัดการเซ็นรับทราบแล้วนั้น จะมีปัญหาภายหลังในกรณีที่ว่า "ทางผู้จัดการไม่อนุมัติ หรือ ผู้จัดการไม่รับทราบ เป็นการกระทำไปโดยพละการของพนักงาน" ถ้าหากเค้าดูท่าทางแล้วคุณสนใจ เค้าจะเร่งรัดให้คุณทำสัญญาจองโดย ทุกอย่างที่เข้ารับปากคุณว่าจะทำให้นั้น มันจะกลายเพียงแค่ลมปาก หากคุณไม่ให้เค้าเขียนเอาไว้เป็นลายลักษณะอักษร อย่าลืมข้อนี้เป็นอันขาด

2. เมื่อจะทำสัญญาซื้อ-ขายบ้านนั้น ให้ทางลูกค้าอ่านเอกสารให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน (ดีกว่ามาเสียน้ำตาทีหลัง) อย่าเร่งรีบทำสัญญา หากมีสิ่งไหนที่คุณขอไปแล้วหรืออันไหนไม่เข้าในให้เค้าอธิบายและ ยึดหลัก ข้อ1 ทำสิ่งที่เค้าพูดให้เป็นลายลักษณะอักษร อย่าไปเชื่อลมปากของคนพวกนี้โดยเด็ดขาด หากคุณอ่านแล้วพอใจในสัญญาค่อยเซ็น หากให้แนะนำ ให้คุณเข้าไปดูบ้านหลังนั้นอีกครั้ง ใช้เวลาอย่างน้อย30 นาที ที่เข้าไปดูในแต่ละห้อง แล้วจิตนาการว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ในห้องนั้นแล้วจะต้องใช้อะไรบ้าง แล้วให้เผื่อเอาไว้ว่า ถ้ามีเตียง ตู้ โต๊ะ เก้าอี้ จะเป็นลักษณะอย่างไร หากดูแล้วไม่มีปัญหาค่อยลงมือทำสัญญา

3. ก่อนที่จะทำการโอนบ้านไม่ว่ายังไงก็ตามให้เค้าเร่งรายการที่ยังไม่ได้ทำให้คุณนั้นให้เสร็จเสียก่อนที่จะทำการโอน เพราะ ส่วนใหญ่ทุกครั้ง100% ทางโครงการจะบอกคุณว่า "จะทำดำเนินการให้หลังจากที่โอนแล้ว" หรือ "ยังดำเนินการให้ไม่เสร็จขอผลัดเป็นหลังโอนจะได้ไม๊" หากเป็นเช่นนั้นไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำการโอน อย่าใจร้อน เงินก็เงินเรา หากกู้Bank มาก็จงพึงคิดเอาไว้ว่า หากเชื่อคนพวกนี้ เค้าไม่ได้มาเป็นหนี้กับเราไปด้วย เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อคนพวกนี้โดยเด็ดขาด จำเอาไว้ว่า "อ้อยเข้าปากช้างเข้าไปแล้วไม่มีทางที่จะคายคืนออกมาให้ง่าย"

4. หากทางโครงการยังดึงดันที่จะให้ทำการโอนเสียก่อน ก็กลับไปข้อ 1 ให้ทำรายการทุกอย่างออกมาเป็นลายลักษณะอักษร แล้วทำการตรวจเช็คงานเสียก่อนที่จะรับบ้าน ผมมีรายการวิธีตรวจเช็คอย่างง่ายๆ เบื้องต้นอาจจะไม่ครบถ้วนตามกระบวนแต่หน้าจะเป็นแนวทางให้ท่านอื่นๆ ได้นำไปใช้บ้าง เช่นดังต่อไปนี้

เรื่องน้ำ

1. เริ่มจากน้ำ ให้ไปเปิด-ปิด ก๊อกน้ำทุกหัว (ย้ำว่าทุกหัว) ในบ้านแล้วลองปิดดูว่าน้ำรั่วหรือไม่ มีรอยรั่วจากตรงไหนบ้าง หากปิดก๊อกน้ำทั้งบ้านแล้ว ให้เดินไปที่ มิเตอร์น้ำ ไปดูว่า มิเตอร์หมุนหรือไม่ หากมิเตอร์หมุนให้ทำการตรวจเช็คแสดงว่ามีท่อน้ำรั่วที่ไหนสักแห่งในบ้าน [ห้องที่มีก๊อกน้ำ ห้องน้ำทุกห้อง อ่างล้างหน้า สายชำระ ชักโครก ห้องครัว (ตามsink ล้างจาน) สนามพื้นหน้าบ้าน (ก๊อกน้ำฉีดรดน้ำต้นไม้) ]

2. เอากระป๋องน้ำไปด้วย ใบใหญ่ๆ ที่ใส่น้ำได้สัก 5 ลิตรเป็นอย่างน้อย แล้วเติมน้ำใส่กระป๋อง เอาไปเททุกที่ที่มีทางระบายน้ำว่าน้ำระบายออกได้สะดวกหรือไม่ มีการขังหรืออุดตันตรงไหนหรือเปล่า (ห้องน้ำทุกห้อง ระเบียงห้อง หน้าบ้าน)

3. ปั้มน้ำ ให้ลองเปิดน้ำดูแล้วเดินไปที่ปั้มน้ำว่ามีเสียงการทำงานของปั้มหรือเปล่า น้ำแรงแค่ไหน

4. รายการของที่ต้องมีในห้องน้ำ
4.1 อ่างล้างหน้า พร้อมก๊อกน้ำ
4.2 ชักโครง และสายชำระ
4.3 ที่ใส่กระดาษชำระ
4.4 ที่แขวนผ้าเช็ดตัว
4.5 ก๊อกน้ำและฝักบัว
4.6 ฝาปิดท่อน้ำแบบกันกลิ่น

เรื่องไฟฟ้า

1. เรื่องการเช็คไฟฟ้า ไม่ยากเลย ทำเหมือนกับน้ำ คือ เดินเปิด-ปิดไฟทุกดวงในบ้าน มีดวงไหนขาดไปหรือเปล่า ถ้าขาดให้เปลี่ยนให้ทันที หรือว่า จะย้ายดวงไฟตรงไหน ให้หรือจดเอาไว้แล้วเพิ่มในรายการตรวจรับบ้านได้

2. ปลั๊กไฟให้เอาไขควงวัดไฟจิ้มที่ น๊อต ดูว่ามีไฟรั่วมาที่น๊อตหรือเปล่า หลังจากนั้น ให้ใช้ไขควง 4 แฉกเปิดปลั๊กไฟทุกจุดออกมาดูว่าเค้ามีการเดินไฟเอาไว้กี่เส้น ต้องมีสายดินต่อเอาไว้ เปิดออกมาแล้วจะเห็นสายไฟ ต้องมี 3 เส้น พอเสร็จแล้วให้เอาไดร์เป่าผมเสียบแล้วลองใช้ดูว่ามีปลั๊กไฟอันไหนบ้างไม่มี ไฟ

3. เดินไปดูที่ห้องน้ำมีการเดินสายไฟเอาไว้ให้สำหรับ เครื่องทำน้ำอุ่นหรือยัง หรือหากห้องไหนมีอ่างอาบน้ำแล้วคุณจำเป็นต้องใช้เครื่องทำน้ำร้อน ก็ต้องให้เค้าเดินสายไฟให้ก่อนที่จะทำการตรวจรับมอบบ้าน หรือ เป็นไปได้ให้เขียนอยู่ในสัญญาก็ได้ ว่าให้เดินสายไฟให้ฟรี (สิ่งของพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องเสียเงิน) แล้วการเดินสายไฟพวกนี้ก็เหมือนกันให้เดิน3 เส้น (มีสายดิน) แล้วที่สำคัญ ต้องมี breaker ให้ด้วย อยู่หน้าห้องน้ำก็ได้ หากโครงการบอกว่า ตู้ไฟเดียวนี้เค้าแยกจุดให้แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้เค้าทำให้เราให้ได้ เพราะหากไฟดูดตายขึ้นมาคนพูดเค้าไม่ได้มาตายกับเราด้วย

4. ให้ปีนขึ้นไปดูใต้หลังคา ก่อนจะปีนให้เอาปิด main breaker แล้วเอาไฟฉายขึ้นไปด้วยมีการร้อยสายไฟเอาไว้ในท่อให้เราหรือเปล่า หากไม่มีให้ทำด้วย ไม่ใช่ร้อยสายไฟในท่อเฉพาะในกำแพงอย่างเดียว ใต้ฝ้าก็ต้องร้อยท่อให้เราด้วย เพราะหากหลังคารั่วน้ำมาโดนสายไฟจะเป็นอันตรายกับบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านได้ สายไฟMAIN อย่างน้อยต้องเป็น 16 square/mm หากสูงกว่านี้ได้ยิ่งดี และสายไฟ main ต้องมีไม่รอยทำการตัดต่อเป็นอันขาด หากมีการตัดต่อให้ทางโครงการเปลี่ยนให้ได้ เพราะอันตรายมาก มีโอกาสทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรแล้วเกิดเพลิงไหม้ได้สูง

5. ปิดไฟให้หมดทั้งบ้าน (ไม่ต้องปิด main breaker) แล้วไปดูที่มิเตอร์ไฟว่ามีไฟวิ่งอยู่หรือเปล่า หากมิเตอร์ยังวิ่งแสดงว่ามีไฟรั่วให้ทำการตรวจหาแล้วทำการแก้ไขเสียก่อน

6. หากทางโครงการแถมติดแอร์ให้ฟรี ให้ทำดังนี้ ให้เปิดแอร์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะสามารถเปิดได้ เปิดให้หมดพร้อมกันทุกตัว สักประมาณ1 ชั่วโมง แล้วเดินไปดูที่มิเตอร์ไฟว่า มันวิ่งแบบน่ากลัวหรือเปล่า หมุนติ้วๆ เป็นลูกข่างหรือเปล่า เพื่อทำการเช็คได้ว่ามิเตอร์จะทำการรับการใช้งานได้หรือเปล่า แอร์ต้องไม่ตัด อุปกรณ์ทุกอย่างต้องไม่ตัด

7. สายดินของ main breaker ถามเค้าว่าฝังเอาไว้ตรงจุดไหน ส่วนใหญ่ 80-90% จะฝั่งให้แต่ไม่ลึก ตามมาตรฐานแล้วต้องฝั่งให้ลึกอย่างน้อย 2 เมตร ส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นเค้าจะบอกว่าเทปูนทับไปแล้ว หากเป็นไปได้ลองเช็คเรื่องนี้ดู ว่าเค้าฝังลงไปลึกเท่าไหร่ หรือไม่ก็ ให้ฝังให้ใหม่ อันนี้ยอมเสียเงินเองก็ได้ เรื่องสำคัญมากเรื่องสายดิน โครงการที่ผมซื้อเนี่ย เค้าฝังเอาไว้แค่2 คืบ ผมเสียเงินฝังเองเลย เป็นท่อทองแดงเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ น้อยก้อยผู้ชายตัวโตๆ เห็นจะได้ แล้วใช้ค้อนปอนด์ตอกลงดินให้ลึกถึงชั้นดิน อย่างน้อยต้องมี2 เมตร

8. หลอดไฟ (downlight) ให้ต่อรองให้ใส่เป็น หลอดประหยัดไฟ หากได้จะดีมาก เพราะหลอดพวกนี้ราคาค่อนข้างสูง 1 หลอด ประมาณ 100 กว่าบาท แล้วแต่ยี่ห้อและขนาดของหลอดไฟด้วย หากมีหลอดไฟสัก 30 หลอด ก็ต้องเสียเงินไปประมาณ เกือบๆ 4 พันแล้ว

9. ปลั๊กไฟนอกอาคาร ต้องเป็นปลั๊กไฟที่มีตัวปิดกันน้ำให้ด้วย เพราะเวลาฝนตกหรือฝนสาดจะได้ไม่เป็นอันตราย

10. กระดิ่งไฟหน้าบ้าน ให้ไขออกมาดูว่าเดินไฟ 3 เส้นหรือเปล่า เป็นรุ่นที่มียางกันน้ำหรือไม่ หรือมีกล่องครอบกันน้ำหรือเปล่า สำคัญมากๆ เพราะ หากกระดิ่งไฟหน้าบ้าน เกิดชื้นขึ้นมา จะทำให้ ท่านที่ติด กล่องsafe-t-cut หรือกล่องยี่ห้ออื่นก็ได้ ไฟจะตัดตลอดหากกระดิ่งชื้น จริงๆ แล้วไม่ต้องติดก็ได้ครับ safe-t-cut เปลืองเงินโดยใช่เหตุหากท่านไปมีใช้อยู่แล้วเกิดปัญหาว่า safe-t-cut ตัดบ่อย 90 กว่า % มาจากสาเหตุนี้ทั้งนั้นเลยครับ

11. ไฟนอกอาคาร หรือ ไฟรอบๆ บ้านควรมีเอาไว้รอบบ้าน ดีกว่านะครับ แล้วท่านที่ต้องการเปิดไปหน้าบ้านให้ไปซื้อสวิทช์เปิดไฟอัตโนมัติ มาให้ช่างโครงการติดก็ได้ครับ ไม่ยากแล้ว อย่าลืม เขียนเป็นลายลักษณะอักษร

งานพื้น

1. ให้เดินลากเท้าเปล่าก่อนดูว่ารอยกระเบื้อง แกรนิต หรือหินอ่อนหรือ แผ่นไม้ หรือไม้ปาร์เก้ที่ปูนั้นเรียบเสมอดีหรือไม่ หลังจากนั้นให้ใส่ถุงเท้าแล้วเดินลากไปตามพื้นเช่นเดิม จะได้รู้ว่ามีรอยอีกหรือเปล่า และตามร่องที่ปูสะอาดหรือเปล่า

2. ให้ใช้เหรียญบาทเคาะดูพื้นว่ามีเสียงพื้นโปร่งหรือเปล่า หากมีให้นำกระดาษกาวแปะทำเครื่องหมายเอาไว้

3. ให้วางลูกแก้วไปบนพื้นหากเป็นไปได้ ควรวางห่างกันอย่างน้อย 10 เซนติเมตร แล้วดูว่าลูกแก้วไหลไปทางไหน หากไหลรวมกันแสดงว่า พื้นเป็นหลุม หากจุดไหนไม่มีลูกแก้วอยู่แสดงว่าพื้นปูด ให้เอากระดาษกาวแปะเอาไว้ เหมือนเดิม

หมายเหตุ - การเคาะอย่ารุนแรงมากแล้วให้เคาะกระเบื้องทุกแผ่นที่ปูได้จะดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้องหรือ ห้องน้ำรวมทั้งผนังห้องน้ำที่ปูกระเบื้องด้วย รวมถึงพื้นปาร์เก้ด้วยนะจ๊ะ

ป.ล. พื้นลามิเนต อย่าไปเคาะมันนะ ไม่มีผล

งานกำแพง

1. ให้เดินดูกำแพงว่าสะอาดดีหรือไม่ wall paper ที่ติดเอาไว้เรียบเสมอกันดีหรือเปล่า ดูให้ละเอียดๆ นะ ให้เอาหน้าแนบดูกับกำแพงว่าเรียบเสมอกันดีหรือเปล่า มีกำแพงบุบหรือโป่งหรือเปล่า

2. ตามขอบบัวติดผนังให้เอาไม้บรรทัดวางลงกับพื้นแล้วเลื่อนเล่นเป็นเหมือนรถไฟ หากมีการโป่งหรือเว้าตัวของบัวคุณจะเห็นช่องได้ที่อยู่ระหว่างไม้บรรทัด กับขอบบัว

3. สีนอกอาคารดูให้ทั่วว่ามีรอยร้าวหรือเปล่า มีรอยน้ำหรือเปล่าหากมีแสดงว่าน้ำรั่วให้หาสาเหตุโดยด่วน

4. ตามประตูและหน้าต่างให้ลองเปิดปิดดูทุกบาน ดูว่ามีการทรุดตัวของประตูหรือหน้าต่างหรือเปล่า ลองปิดแบบปล่อยให้ประตูปิดเองจะรู้ได้ทันที ให้ปิดประตูแล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีแสงลอดหรือเปล่า ลองlock แล้วเปิดดูด้วยกุญแจทุกดอกดูว่าใช้งานได้หรือเปล่า

5. หากมีมุ้งลวดให้ตรวจดูว่ามีรอยขาดหรือเปล่า หากมีให้เปลี่ยนทันที

6. ประตูรั้วหน้าบ้าน ลง lock ดีหรือเปล่า สามารถใช้งานได้จริงหรือเปล่า ลองเปิดและปิดดู แล้วลองดูว่าใส่แม่กุญแจได้หรือเปล่า ลองปิดดู

สายโทรศัพท์อุปกรณ์ที่ต้องมี

1. โทรศัพท์บ้าน อย่างน้อย 2 เครื่อง เอาแบบใช้ถ่านนะ พร้อมสายต่อ

2. เพื่อน คนสนิท หรือ คนทางบ้าน อย่างน้อยอีก 1 คนเช่นกัน1. หลายๆบ้านที่ทางโครงการมีการเดินสายโทรศัพท์เอาไว้ให้ในกำแพง ให้เอาโทรศัพท์ไปต่อดู แล้วยกหูฟังดูแล้วลองคุยกันดู ว่าได้ยินหรือไม่ หมายเหตุ ? การเช็คแบบนี้ไม่ต้องรอให้มีเบอร์โทรศัพท์ก่อนก็ได้


ตรวจงานใต้หลังคา


1. เริ่มด้วยการปืนขึ้นไป ให้ปิด main breaker ก่อนด้วยนะครับ แล้วก็อย่าลืมถุงมือและรองเท้าพื้นยาง ตอนที่ขึ้นไปใต้หลังคาให้ระวัง อย่าไปเหยียบที่โครงฝ้านะครับ ให้เหยียบที่ โครงเหล็กของหลังคาเท่านั้น (โดยเด็ดขาด) เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้ว ร่างท่านอาจจะลงไปกองอยู่ที่พื้นด้านล่างได้ หลังจากนั้นให้ใช้ไฟฉายส่องไปให้ทั่วๆ ดูว่า มีแสงลอดมาจากด้านนอกไม๊ (ตามกระเบื้องหลังคา) หากมีเนี่ยให้ทางโครงการรีบมาอุดซะ เพราะ มีโอกาสสูงมากๆ ที่น้ำอาจจะเข้ามาทางนั้นได้เวลาฝนตกหนักๆ

2. หากใต้หลังคามีฉนวนกันความร้อนแล้ว (ส่วนใหญ่จะเป็นแบบแผ่นฟรอยบางๆ) หากมีรอยฉีกขาดให้ทางโครงการมาปะให้ด้วยนะครับ

3. แล้วก็ลองสักเกตดูสายไฟด้วยนะครับ ต้องร้อยอยู่ใต้โครงเหล็กหลังคานะครับ ไม่ใช่ร้อยอยู่เหนือโครงเหล็ก เพราะหากมีไฟช๊อตขึ้นมา ก่อนที่ท่านจะปีนขึ้นไปได้ ไฟอาจจะช๊อตท่านตกลงมาซะก่อนล่ะครับ

และเช็คความถูกต้องของสัญญา

1.ชื่อนามสกุล อายุ ที่อยู่ เลขที่บัตรประชาชน
2.แปลงบ้าน ตรงกับที่จองไว้รึเปล่า
3.จำนวนเงินที่จ่ายในวันจอง และจำนวนที่จ่ายในวันทำสัญญา ถูกระบุในสัญญารึยัง
4.ค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละงวด เมื่อไหร่ เท่าไหร่
5.วันโอนบ้านเมื่อไหร่ และระบุด้วยรึไม่ว่า การโอนบ้านทางผู้ขายต้องแจ้งให้ทราบ 30 วันล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษร
6.ถ้าไม่สามารถโอนได้ตามกำหนด จะถูกปรับเท่าไหร่
7.ถ้าเราไม่ชำระเงินค่างวดตามกำหนดจะถูกปรับเท่าไหร่
8.ดูเอกสารแนบว่ามีโฉนดบ้านรึเปล่า ถ้าไม่มีได้เมื่อไหร่ (ตอนเราทำมีแค่โฉนดทั้งโครงการ โฉนดบ้านเราเองยังไม่ได้)
9.รายละเอียดข้างต้นที่กล่าวมาจะมีระบุในสัญญาการใช้สาธารณูปโภคของโครงการด้วย สัญญานี้จะอยู่ท้ายสัญญาจะซื้อจะขายบ้านนะ เช็คดูว่าตรงกันมั๊ย
10.ถ้าจะเซ็นเอกสาร ให้เซ็นทุกหน้า ของคนอื่นเค้าจะเซ็นตรงมุมขวาล่าง แต่เราชอบเซ็นปิดบรรทัดสุดท้ายของแต่ละหน้า 555 สบายใจ ไม่มีใครมาพิมพ์อะไรเพิ่มได้ (เราอาจคิดมากไป)
11.อ้อ!! อีกอย่างที่สำคัญคือ ราคาที่ดินตรว.ละเท่าไหร่ ให้ทางโครงการระบุด้วย เพื่อกรณีที่ดินขาดเกินจะได้ไม่ (รู้สึกว่า) โดนโกง

ตอนที่เราทำสัญญา เราให้โครงการแก้สัญญาประมาณ 5-6 ครั้ง เนื่องจากคนทำเอกสารไม่รอบคอบเอาซะเลย ผิดนู่นผิดนี่ที่สำคัญ 2-3 ครั้งแรกนั้น ระบุราคาที่ดินตรว.ละเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นไม่ระบุ>>>หมายความว่างัยฟะอืม!! อีกอย่าง จำนวนตรว. ว่ากี่ตรว. นี่ก้ออีกแหละ ครั้งหลังๆ ลงจำนวนตรว. น้อยกว่าครั้งแรก (นิดหน่อยแต่เราไม่ยอม)สรุปกว่าเราจะได้เซ็นสัญญาก้อปาเข้าไป 4-5 เดือน เนื่องจากไม่เรียบร้อยอ้อ!!! แล้วระหว่างที่สัญญายังไม่เรียบร้อย เราไม่จ่ายเงินดาว์นนะ เพราะมีสัญญายังเสี่ยง แล้วถ้าไม่มีสัญญาล่ะ อึ๋ย!!! ไม่อยากคิดเลยไม่รู้คำตอบจะใช่อย่างที่ต้องการรึเปล่านะคะ อาจมีอะไรขาดไป เพราะนีกไม่ออกแล้ว เดี๋ยวคงมีผู้รู้เข้ามาช่วยตอบนะโชคดีค่ะ และดูให้ละเอียดๆ เพราะทุกลายเซ็นคือความรับผิดชอบนะคะ

Popular posts from this blog

Make keyboard on PC behave like Mac

Put del.icio.us on your blog

Scuttle Bookmark